นายกฯส่งพยานเพิ่ม 1 ราย สู้คดี 40 สว.ยื่นสอย ดับข่าวลือ โดดเรือหนี การันตีไม่ว่าชิงลาออก หรือยุบสภา ไม่เคยได้ยิน และไม่เคยคิด ยืนยันต่อหน้า “พัชรวาท” ให้ความเคารพ ไม่เคยพาดพิง “ลุงป้อม” ด้าน “ประวิตร” นิ่งไม่ตอบถูก “ทักษิณ” ฟาดคนในบ้านป่าฯ ก่อหวอดป่วนรัฐบาล “วันชัย” แซะเลอะเทอะเขย่า 18 มิ.ย. วันโลกา วินาศ ซัดพวกมโนคิดล้มคนอื่นอกจะแตกตาย ชี้คดีอดีตนายกฯ ถ้าอัยการไม่ให้เลื่อนก็ไปศาลประกันตัวสู้คดี ไม่มีใครหนี ใครติดคุก “อุ๊งอิ๊งค์” ออนทัวร์ ขอนแก่น ร่วมวงสัมมนากระตุ้นเศรษฐกิจ อ้อนพรรคเพื่อไทยเข้าใจคนอีสานดีที่สุด กำลังพล ทบ.ฉาวอีก สส.ก้าวไกลปูดหักค่าไวไฟทหารเกณฑ์ 1,200 บาท “โฆษก กห.” แจง รมว.กลาโหมสั่งตรวจสอบแล้วเป็นเอกสารเก่า ยันไม่มีอยู่ในระเบียบฯ
จากกรณีที่มีการจับตามองสถานการณ์ทางการเมือง ในช่วงวันที่ 18 มิ.ย.ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณา 3 คดีที่สังคมสนใจ ทั้งคดีที่ กกต.ขอให้พิจารณายุบพรรคก้าวไกล ฐานกระทำการล้มล้างการปกครองฯ คดี สว.40 คนยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และนัดลงมติชี้ขาด พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ขณะที่นายกฯยืนยันหนักแน่นไม่มีแนวคิดที่จะชิงลาออกไปก่อนมีคำตัดสินหรือยุบสภา
นายกฯเปิดโครงการเฉลิมพระเกียรติ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 มิ.ย.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายก รัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิด “โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานโครงการ ขณะที่นายกฯกล่าวเปิดพิธีว่า รัฐบาลจัดทำโครงการนี้ขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยจิตอาสาทุกภาคส่วนร่วมกันปลูกป่าและบำรุงรักษาต้นไม้ เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับธรรมชาติ คืนอากาศสะอาดให้กับประชาชน ตั้งเป้าหมายปลูกป่าทั่วประเทศ 72 ล้านต้น จากนั้นนายกฯมอบต้นรวงผึ้งให้แก่ปลัดกระทรวง 20 กระทรวง รวมถึงตัวแทนกองบัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการทหารบก กองบัญชาการทหารเรือ กองบัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตร. โดยนายกฯได้เยี่ยมชมนิทรรศการบริเวณโถงกลาง ตึกสันติไมตรี ภายหลังเสร็จสิ้นงาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้เข้าพบนายกฯหารือกับนายกฯบนตึกไทยคู่ฟ้า
...
ผบ.ตร.มาพบบอกหิ้วแกงเหลืองมาให้
ต่อมาเวลา 13.25 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงกรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. เข้าพบ ได้มารายงานความคืบหน้ากรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนจำนวน 3 ลำ พร้อมน้ำมัน 330,000 ลิตรของกลาง ที่จอดเทียบที่ท่าเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี หายไปหรือไม่ โดยนายกฯตอบว่า “ไม่มี ไม่ได้รายงาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐแค่เอาแกงเหลืองมาให้ทาน เผ็ดไปหน่อย แต่อร่อย” เมื่อถามถึงกรณีประชาชนเดือดร้อนเรื่องราคาสินค้าแพง ทั้งไข่ไก่และผงชูรสได้ดำเนินการอย่างไร นายกฯตอบว่า ได้กำชับกระทรวงพาณิชย์ดูแลให้เหมาะสม เมื่อ 2 วันก่อนได้เจอนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ได้กำชับไป แล้ว
เผยส่งพยานเพิ่ม 1 คนคดี 40 สว.
เมื่อถามถึงการหารือกับทีมกฎหมาย เพื่อจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญในคดี 40 สว.ยื่นขอให้มีการวินิจฉัยการแต่งตั้งนายพิชิต
ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐากล่าวว่า มีขอพยานเพิ่มเติม ต้องส่งรายชื่อพยานไป แต่ขอให้ส่งก่อนค่อยบอกจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นจะเป็นการก้าวล่วง ไม่ค่อยดี เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่ามีการขอให้ส่งพยานเพิ่มเติม นายกฯกล่าวว่า ใช่ มีการส่งพยานเพิ่มเติม เมื่อถามว่าเป็นการขอให้ไต่สวนเพิ่มเติมด้วยหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า มีพยานเพิ่มเติม 1 คน ส่วนจะมีการไต่สวนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ส่วนการจัดรายการคุยกับเศรษฐาว่า ได้บันทึกเทปไปเมื่อวันก่อน ส่วนจะออกอากาศวันไหนตอนนี้ขอให้รอ ส่วนเนื้อหาขอให้ติดตามในรายการ และเข้าใจว่าจะมีการจัดเดือนละครั้งหรือตามความจำเป็น รายละเอียดทั้งหมดขอให้รอ น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว เมื่อถามว่าจะออกอากาศครั้งแรกวันที่ 15 มิ.ย.หรือวันที่ 22 มิ.ย. นายกฯกล่าวว่า ยังรอวันอยู่ แต่เมื่อคืนวันที่ 13 มิ.ย. น.ส.จิราพรได้ส่งข้อความมาบอกว่าติดโควิด-19 งานนี้ถือว่าเป็นงานชิ้นแรกของ น.ส.จิราพร เชื่อว่า น.ส.จิราพรอยากจะทำให้ออกมาดีที่สุด
จึงขอให้รอรายละเอียดจาก น.ส.จิราพร
ลั่นไม่คิดลาออก–ยุบสภาหนี
เมื่อถามว่าขณะนี้มีข่าวลือว่านายกฯจะชิงลาออก ก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสิน นายกฯกล่าวว่า ไม่เคย ได้ยินและไม่เคยคิดด้วย เมื่อถามอีกว่าเรื่องยุบสภาก็ไม่เคยคิดใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่เคยคิดครับ เมื่อถามว่าทุกอย่างให้ว่าไปตามกระบวนการใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ว่าไปตามกระบวนการ ไม่มีการใช้ วิธีการพิสดารในการหนี อย่างที่ตนเรียนเรามาในฝ่าย บริหาร ถ้าฝ่ายนิติบัญญัติหรือฝ่ายตุลาการมีข้อข้องใจ หน้าที่ของตนก็ต้องเสนอและน้อมรับคำตัดสิน เมื่อถามว่า สถานะของนายกฯ ในตอนนี้ดูเหมือนเป็นกันชน ระหว่างขั้วอนุรักษนิยมกับขั้วก้าวไกล ทำให้ลำบากที่จะเผชิญตรงนี้หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ตนคิดว่า ตำแหน่งนี้ก็ลำบากทุกเรื่อง เอาเรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเป็นหลักดีกว่า อย่าไปดูเรื่องความ ขัดแย้งว่าตนจะเป็นกันชนหรือเป็นตัวช่วย หรือเป็นอะไรเลยดีกว่า ถ้ามีปัญหาก็ต้องปรับกันไป มีข้อคิดเห็นไม่ตรงกันก็ต้องพยายามชี้แจง
ยันเคารพไม่พาดพิง “ลุงป้อม”
เมื่อถามว่านายกฯ ย้ำถึงความเป็นเสถียรภาพของรัฐบาลในการทำงาน การที่พบกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะทำให้พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรค พปชร.เป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนก็คุยกับ พล.ต.อ.พัชรวาทดี จากนั้น นายกฯได้หันไปพยักหน้าให้กับ พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ยื่นอยู่ข้างหลัง ขณะที่ พล.ต.อ.พัชรวาทได้พยักหน้า ตอบรับ นายกฯจึงกล่าวต่อว่า ท่านยังเป็นห่วงว่าตน ทำงานหนักเกินไป ได้บอกว่าไม่เป็นไรหรอกครับ สบายดี เรียบร้อยดี เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้มีการพาดพิง ถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.พี่ชายของ พล.ต.อ.พัชรวาท นายเศรษฐากล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นคนพาดพิง และไม่เคยมีการคุยกันในเรื่องนี้ด้วย ให้ความเคารพท่านในฐานะที่เป็นอดีตรองนายกฯ และเป็นอดีต ผบ.ทบ. และไม่เคยเจอกัน เคยเจอหนเดียวในงาน ตนก็สวัสดีท่านแค่นั้นเอง ไม่มีเรื่องอื่น ไม่มีอะไรเลย ยืนยันได้
ไปตรวจเยี่ยมสถานีรถไฟหัวหิน
ต่อมาเวลา 14.10 น. นายกฯ เดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กทม.ไปยังท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปถึงสถานีรถไฟหัวหิน (สถานีใหม่) อ.หัวหิน เวลา 15.10 น. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานีรถไฟหัวหิน (สถานีเดิม) เพื่อยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ของหัวหิน และเยี่ยมชมรับฟังสรุปแผนการเดินรถรองรับการท่องเที่ยว STR Royal Blossom สอดรับกับนโยบายรัฐบาล IGNITE TOURSIM THAILAND มีนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม นายอวิรุทธ์ ทองเนตร รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) นายสมคิด จันทมฤก ผวจ.ประจวบ คีรีขันธ์ ต้อนรับ โดยนายกฯทักทายประชาชนและ นักท่องเที่ยวและร่วมถ่ายรูปอย่างเป็นกันเอง จากนั้น นายกฯเดินเยี่ยมชมขบวนรถไฟ ชื่นชมการปรับปรุงขบวนรถไฟว่าสวยงาม มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย คาดว่าจะสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยว
“ประวิตร” นิ่ง “ทักษิณ” ฟาดคนบ้านในป่า
ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 1 คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนศรีอยุธยา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศ ไทย เป็นประธานลงนามในพิธีลงนามสัญญาเมืองเจ้าภาพการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33
ต่อมาเวลา 10.26 น. พล.อ.ประวิตรเดินทางกลับโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ หลังผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าคนบ้านในป่าวุ่นวาย อยากมีอะไรชี้แจงหรือไม่ เนื่องจากมีการพาดพิง โดย พล.อ.ประวิตรพยายามเดินขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย และเดินทางกลับไปทันที
ซัดเลอะเทอะ 18 มิ.ย.โลกาวินาศ
วันเดียวกัน นายวันชัย สอนศิริ สว.โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง “18 มิ.ย.วันโลกาวินาศ...ใครจะวินาศกันแน่!!” ระบุว่าพูดยังกับบ้านเมืองจะถล่มทลายวันที่ 18 มิ.ย.นี้ เป็นวันโลกาวินาศ รัฐบาลจะพังก้าวไกลจะโดนยุบ เลือก สว.จะเป็นโมฆะ ทักษิณไม่หนีก็ติดคุก เลอะเทอะไปใหญ่ไม่มีอะไรเลย ทั้งคดียุบพรรคก้าวไกล คดีถอดถอนคุณเศรษฐา ศาลรัฐธรรมนูญให้ยื่นบัญชีพยานหลักฐานต่อศาล ทั้ง 2 คดี วันที่ 17 มิ.ย.นัดพิจารณา วันที่ 18 มิ.ย. ยังไม่ตัดสินวันนั้น ศาลคงนัดไต่สวนพยานแต่ละฝ่าย กว่าจะเสร็จและตัดสินเป็นเดือนๆไม่ได้ยุบ ถอดถอนใน 1-2 วันนี้ เมื่อไต่สวนเสร็จไม่รู้จะยุบหรือถอดถอนหรือไม่ พวกต้องการล้มมโนไปสารพัดอย่างกับคุณเศรษฐากระเด็นไปแล้ว ก้าวไกลโดนยุบแล้ว
คนมโนคิดล้มคนอื่นจะอกแตกตาย
“แม้แต่คดีคุณทักษิณในวันที่ 18 มิ.ย.ยังไม่ได้ติดคุก ไม่หนีไปไหน ตามขั้นตอนเขาร้องขอความเป็นธรรม อัยการจะให้เลื่อนหรือเปล่าไม่รู้ ถ้าให้เลื่อนก็ไม่ต้องไป ถ้าไม่ให้เลื่อนก็มาศาลไปประกันตัวสู้คดี ไม่มีใครหนี ใครติดคุก บ้านเมืองยังไม่วินาศสันตะโร อย่าตีโพยตีพาย เดี๋ยวจะบ้าไปใหญ่ วันที่ 18 มิ.ย.มีตัดสินคดีเดียวคือ คดีเลือก สว.ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ การเลือก สว.เดินต่อ ถ้าขัดสะดุดหยุดไว้ก่อน แก้ไขให้ถูกต้อง ใช้เวลามากน้อยแค่ไหนก็ว่ากันไป เสร็จแล้วก็มาเลือก สว.กันใหม่ ระหว่างนั้น สว.ชุดเก่ายังอยู่ ใครชอบหรือไม่ชอบแล้วแต่พระคุณท่าน ไม่มีอะไรลุกเป็นไฟ มีแต่คนโกรธ เกลียด อาฆาตมาดร้าย คิดจะล้มคนอื่นเท่านั้นที่จะอกแตกตาย ไฟสุมทรวง” นายวันชัยระบุ
“อิ๊งค์” อ้อน พท.เข้าใจคนอีสานที่สุด
ที่เซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมเปิดงานสัมมนาเศรษฐกิจอีสาน (ISAN Insight Summit 2024) หัวข้อ “ISAN Soft Power โอกาสและความท้าทาย ในการพลิกเศรษฐกิจอีสาน ให้รุ่งเรืองและยั่งยืน” โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ถูกพูดถึงและตีความไปหลายรูปแบบ แต่รัฐบาลนิยามซอฟต์พาวเวอร์ให้ใกล้เคียงที่สุดเป็นคำว่า เสน่ห์ รัฐบาลมุ่งเน้นตั้งใจที่จะสร้างเสน่ห์ความเป็นไทย ให้สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ วัฒนธรรมอีสานมีความหลากหลายและมีเสน่ห์เหลือล้น ทั้งด้านภาษาภูมิปัญญา วิถีชีวิต และอาหาร รวมถึงดนตรีอีสานที่ได้รับความนิยมทุกภูมิภาค พรรค พท.เข้าใจความเป็นอีสานมากที่สุดมาตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย มีจำนวน สส.มากที่สุด ภายใต้รัฐบาลของพรรค พท.จะพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ อย่างเป็นระบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ภายใต้ THACCA ที่จะคอยดูแลอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ทั้ง 11 อุตสาหกรรมและขอฝากงาน THACCA SPLASH Soft Power Forum 2024 จะจัดขึ้นวันที่ 28-30 มิ.ย.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ทุกคนจะได้ไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ สร้างแรงบันดาลใจ และโอกาสพบปะกับหน่วยงานอุตสาหกรรมสร้างสรรค์มืออาชีพทั่วโลก
“สงคราม” มั่นใจงบฯปี 68 ผ่านฉลุย
นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกฯ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมานายกฯให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาให้ประชาชนทุกกลุ่ม หามาตรการแก้ปัญหาปากท้องอย่างมีระบบ มีการวางมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างเป็นระบบ ทุกนโยบายกำลังขับเคลื่อนไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น มั่นใจว่าช่วงปลายปี 67 โครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะขับเคลื่อน และช่วยเพิ่มอำนาจจับจ่ายใช้สอยให้ประชาชน ส่งผลให้เกิดการจ้างงานในประเทศ ประชาชนจะมีกำลังซื้อมากขึ้น มีการผลิตสินค้าตามมา รายได้ประชาชนจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจประเทศดีขึ้นตามมา และในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 68 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-21 มิ.ย. งบฯที่จัดทำขึ้นมาเพื่อรองรับการแก้ปัญหาปากท้อง หวังว่า สส.จะให้ความสำคัญในการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะงบฯปี 68 จัดทำบนพื้นฐานการแก้ปัญหาปากท้องและฟื้นเศรษฐกิจประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้น สมาชิกสภาไม่ควรใช้เวทีดังกล่าวมาตีกินทางการเมือง มั่นใจการพิจารณางบฯปี 68 ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแน่นอน
สส.ก้าวไกลปูดหักค่าไวไฟพลทหาร
อีกเรื่อง จากกรณีเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. น.ส.นิชนันท์ วังคะฮาต สส.ชลบุรี พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์ภาพเอกสารพร้อมข้อความบนเฟซบุ๊กชื่อ “Nitchanan Wangkahat น้ำ นิชนันท์” ระบุว่า “อันนี้พลทหารเกณฑ์จากหน่วยไหน มีหักค่าบริจาคอะไร 800 บาท และหักค่า ไวไฟ Wi-Fi รวมเป็นหัก 1,200 บาท ค่า Wi-Fi ควรเป็นสวัสดิการในอาคารที่พักให้พลทหารไว้ติดต่อทางบ้าน หรือเล่นโซเชียลพักผ่อนหลังเวลาฝึก เขาเสียสละเวลาทำงาน ทำมาหากินด้านอื่นๆมาเป็นทหารรับใช้ชาติให้แล้ว ก็ควรให้เขาได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม” ทั้งนี้พบว่า ในเอกสารดังกล่าวที่ น.ส.นิชนันท์ นำมาโพสต์นั้น มีรายละเอียดเงินเดือนพลทหาร 3,670 บาท เงิน พชค. 3,450 บาท รวมทั้งสิ้น 7,120 บาท รายการหักฝาก ทบ. 90 บาท ค่าศพ ทภ.1 12 บาท ค่า ธ.ออมสิน 500 บาท ค่าบริจาค 800 Px-wifi 1,200 บาท รวมหัก 1,802 บาท เงินเดือนคงเหลือ 5,318 บาท
กห.โต้เอกสารเก่ายันไม่มีในระเบียบ
ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 มิ.ย.นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม สั่งการให้ตรวจสอบทุกเหล่าทัพ ถึงการเผยแพร่เอกสารหักเงินฝากและเก็บค่า Wi-Fi ของทหารเกณฑ์ ล่าสุดกองทัพบกได้รายงานให้กระทรวงกลาโหมทราบว่า เอกสารชุดดังกล่าวที่มีเจตนาเผยแพร่พิเศษในเชิงลบต่อกองทัพ เพราะเป็นเอกสารเก่าหลายปีมาแล้ว ดูได้จากระเบียบเก่าในอดีตมีการหักเงินฝากตามตารางที่ปรากฏ แต่ปัจจุบันไม่มีแล้ว การเรียกเก็บค่า Wi-Fi ต่อเดือนนั้นไม่เคยมีปรากฏในระเบียบของกองทัพใดๆ กระดาษชิ้นนี้มีข้อความว่า “ค่าศพ ทภ. 1” สันนิษฐานได้ว่าย่อมาจาก กองทัพภาคที่ 1 ซึ่งกองทัพบกได้ตรวจสอบแล้ว หากผู้เผยแพร่หรือท่านใดสามารถระบุได้ว่าเป็นหน่วยงานไหน และถูกหักดังกล่าวจริง ขอให้แจ้งมาที่กระทรวงกลาโหมได้ทันที ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหม ได้วิทยุสอบถามไปยังทุกเหล่าทัพ เช้านี้ยังไม่พบว่ามีการเรียกเก็บค่า Wi-Fi ดังกล่าว เพราะหน่วยงานเขตเมืองที่อยู่ใกล้เครือข่ายมี Wi-Fi เป็นปกติอยู่แล้ว เว้นแต่หน่วยที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารหรือชายแดนจะใช้ระบบวิทยุสื่อสารหรือดาวเทียม ทั้งนี้ รมว.กลาโหมได้ให้นโยบายกำชับเรื่องการหักเงินนอกระเบียบทางราชการอย่าให้เกิดขึ้น และจะเร่งปรับปรุงโครงสร้างต่างๆในงบของทหารเกณฑ์ และทหารประจำชั้นผู้น้อยต่อไป
กกต.นับแต้มใหม่ สว.บางเขนไร้ผล
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมโรงเรียนประชาภิบาล เขตบางเขน กทม. นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. พร้อมเจ้าหน้าที่เป็นผู้ขนหีบบัตร เปิดนับคะแนนใหม่ หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งให้นับคะแนนการเลือก สว.ระดับอำเภอ เขตบางเขน กทม. สาย ค.ใหม่ เมื่อเปิดหีบบัตร ปรากฏว่า มีบัตรครบทั้ง 84 บัตรและเริ่มนับคะแนนใหม่สาย ค. ประกอบด้วย กลุ่ม 19 กลุ่ม 17 กลุ่ม 15 กลุ่ม 11 และกลุ่ม 9 มีผู้สมัครสว.ร่วมรับฟังการนับคะแนน ผลออกมาว่า มีบัตรเสียไม่ได้ทำเครื่องหมายลงคะแนน 3 ใบ เป็นของกลุ่ม 9 จำนวน 1 ใบ และกลุ่ม 11 อีก 2 ใบ มีบัตรดี 81 คะแนน ผลการนับใหม่เปลี่ยนแปลงในบางกลุ่มแต่ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกของแต่ละกลุ่มที่เข้าไปรอรับการเลือกในระดับจังหวัดในวันที่ 16 มิ.ย.
ผู้สมัครตกรอบคาใจมีบัตรหลง
ภายหลังการนับคะแนนแล้ว น.ส.อาชิรญาณ์ ธนาพีระพงศ์ ผู้สมัคร สว.กลุ่ม 19 ที่ไม่ผ่านการเลือกรอบไขว้ ได้เข้ามาทักท้วงการนับคะแนนรอบใหม่ โดยพบว่า ในกลุ่มที่ 19 มีคะแนนเปลี่ยนแปลง บัตรออกคะแนนเสียง ควรมีเพียง 20 ใบ แต่กลับพบยอดบัตรเพิ่มมาเป็น 21 ใบ และพบว่าบัตรลงคะแนนดังกล่าว เขียนด้วยลายมือว่ากลุ่ม 19 แต่เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่า เป็นกลุ่ม 11 ตนจึงขอให้นับบัตรของกลุ่ม 11 ใหม่อีกครั้งว่า บัตรพลัดหลงเข้ามาหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น จึงขอให้มีการตรวจสอบ เพราะเท่าที่เห็นมัน มีการเน้นย้ำตัวเลขด้วยปากกา ตนเพียงต้องการให้การเลือก สว.ครั้งนี้เป็นการเลือกแบบใหม่มีความสุจริตเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง อาจจะนำเรื่องนี้ไปหารือกับทาง กกต.อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับ น.ส.อาชิรญาณ์ว่า ขณะนี้กระบวนการนับคะแนนใหม่เสร็จสิ้นลงแล้วเป็นไปตามกฎหมาย หากมีข้อทักท้วงขอให้เขียนใบคำร้องยื่นต่อ กกต.ให้พิจารณานับใหม่ได้อีกรอบ ตอนนี้จบกระบวนการนับคะแนนใหม่แล้วไม่มีอำนาจตัดสินใจที่จะขอให้เปิดนับใหม่ภายในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เขตบางเขนมีผู้สมัครสว.19 กลุ่ม (ยกเว้นกลุ่มอาชีพที่ 5 ทำนาปลูกพืชล้มลุก) รวม 98 คน มารายงานตัว 97 คน และมีผู้ผ่านการเลือกได้เป็น สว.ระดับอำเภอของทั้ง 19 กลุ่ม รวม 47 คน
เลขาฯ กกต.แจงเลข 11 กับ 17 ทำวุ่น
จากนั้นนายแสวงให้สัมภาษณ์ว่า กกต.ได้พิจารณา และมีมติสั่งให้นับคะแนนใหม่เขตบางเขนเพียงที่เดียว ย้ำว่าการให้นับคะแนนใหม่เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และความชัดเจน ยอมรับว่าเหตุการณ์นับคะแนนที่เกิดขึ้นเนื่องจากการขานหมายเลขระหว่างหมายเลข 11 และหมายเลข 17 มีความใกล้เคียงกัน อาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อน หากผู้สมัครจะยื่นฟ้องร้องก็เป็นสิทธิ แต่จากที่ กกต.ได้ตรวจสอบเป็นความผิดพลาดจากการปฏิบัติงาน ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ทุจริต หรือการเลือกเสียหาย
ยันสืบสวนทางลับจับทุจริตฮั้ว
นายแสวงกล่าวอีกว่า วันนี้เหลือเพียงกลไกตามมาตรา 77 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.โดย กกต.ได้ติดตามและมีข้อมูลว่า ในวันรับสมัครมีผู้ใดรับจ้างหรือไปจ้างคนลงสมัคร จากนั้นในวันเลือกระดับอำเภอ ได้นำมาพิจารณาว่า มีการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดในการลงสมัครหรือไม่ เมื่อถามถึงส่วนที่มีการคาดการณ์ว่า จะมีผู้สมัคร สว.บางคนรอไปเข้ารอบระดับประเทศนั้น นายแสวงตอบว่า เป็นเพียงการวิเคราะห์ ขาดความเป็นไปได้ เช่น สื่อมวลชนทำการวิเคราะห์ แต่ต้องดูว่าผิดกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าจากที่วิเคราะห์ทั้ง 2-3 โพย ก็ไม่ใช่พวกเดียวกันต่างคนต่างมา แต่มาเกาะกลุ่มเดียวกัน ตราบใดที่ยังไม่ผิดกฎหมายไม่สามารถเอาผิดได้ และจะต้องสืบในทางลับต่อไปเพื่อรวบรวมข้อมูลไว้
รับมีข้อมูลบัตร ปชช.ผู้สมัครหลุดจริง
นายแสวงยังกล่าวถึงกรณีข้อมูลเลขบัตรประชาชน 13 หลักของผู้สมัคร สว.เกือบ 20,000 รายหลุดว่า วันนี้ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไปแล้วว่า กกต.มีมาตรการแก้ไขเยียวยา ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเบื้องต้นแต่ยังไม่ได้เข้าสู่การครอบครองของสำนักงาน ยอมรับว่ามีข้อมูลหลุดจริงตามที่ได้ติดตามและมีข้อมูลอยู่ ส่วนจะหลุดในขั้นตอนไหนนั้น ขอตรวจสอบก่อนเพราะหลังจากที่เกิดเหตุขึ้นก็ได้มีการแก้ไขทันที