‘มาริษ’ พบสื่อ เร่งบอกโลก 'ไทยคืนสู่ ปชต. -รัฐบาลโปรธุรกิจ'

‘มาริษ เสงี่ยมพงษ์’ เปิดตัวกับสื่อมวลชนครั้งแรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงแนวทาง Ignite Thailand Reignite Thai Diplomacy ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้วยการทูตมืออาชีพ 

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบปะกับสื่อมวลชนทั้งชาวไทยและต่างประเทศในงาน Meet the Press#1  ณ ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ เพื่ออธิบายภาพรวมงานด้านต่างประเทศที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ในสามมิติ เริ่มต้นจาก 

  • มิติที่ 1 ฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทย ฟื้นคืนความเชื่อมั่นกลับมาอย่างเร่งด่วน 

สืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองในอดีตทำให้ประเทศเสียโอกาส จำเป็นต้องฟื้นฟูและดึงความสนใจจากทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลกกลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง เพื่อให้ไทยมีบทบาททั้งในระดับภูมิภาคและประชาคมโลก ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือทางธุรกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจอย่างมาก 

“นายกรัฐมนตรีไม่ได้เน้นแค่ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ แต่ยังเน้นการทำธุรกิจระหว่างไทยกับมิตรประเทศ เพราะปัจจุบันนโยบายสำคัญที่สุดของรัฐบาลคือการเร่งบอกประชาคมโลกให้รับทราบว่า ตอนนี้ประเทศไทยได้กลับคืนสู่การเป็นประเทศประชาธิปไตยพร้อมเปิดกว้างกับภาคธุรกิจ ไม่มีช่วงเวลาไหนจะทำธุรกิจกับประเทศไทยได้มากเท่าช่วงนี้เพราะมีรัฐบาลที่โปรธุรกิจ”

 

ในมิตินี้ใช้นโยบายต่างประเทศเน้นเศรษฐกิจที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ผลประโยชน์จะตกแก่ประชาชนรากหญ้าของทั้งสองประเทศเพื่อให้ความสัมพันธ์ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น สำหรับกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จะใช้กลไกสถานทูตทั่วโลกเกือบ 100 แห่ง และทีมไทยแลนด์ที่ กต.บูรณาการกับหน่วยงานอื่นๆ เสริมสร้างภาพลักษณ์ประเทศกลับคืนมา ด้วยการดึงดูดการค้า การลงทุน การศึกษา แบบเชิงรุก “วิ่งไปหา counterpart ไม่ใช่รอให้เขามาหาเรา” ซึ่งภาคเอกชนในฐานะพื้นฐานของห่วงโซ่มูลค่ามีบทบาทมากในฐานะ Real player ขณะที่ภาครัฐเป็นผู้อำนวยความสะดวก 

  • จุดแข็งประเทศไทย

ด้วยจุดแข็งที่ไทยมีไม่ว่าจะเป็นทำเลที่อยู่ระหว่างกลุ่มอาเซียนและบิมสเทค (BIMSTEC: ความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ) เท่ากับว่าไทยเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างตะวันออกกับตะวันตกทั้งยังใกล้ชิดกับประเทศแปซิฟิกใต้ เหมาะกับการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม 8 สาขาตามนโยบาย Ignite Thailand 

อีกหนึ่งตัวช่วยของมิติที่ 1 คือส่งเสริมการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) โดยมองไปที่ประเทศตลาดเกิดใหม่ในแอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชียกลางที่มีศักยภาพ 

“โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจจะบุกประเทศตลาดเกิดใหม่ให้มากที่สุด ให้นายกรัฐมนตรีได้ไปเยือนอย่างเป็นรูปธรรม” รมว.ต่างประเทศให้คำมั่น 

  • มิติที่ 2 ฟื้นคืนบทบาทผู้นำของไทยทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

อาเซียนถือเป็นเสาหลักในมิตินี้ซึ่งไทยเป็นผู้ก่อตั้งอาเซียนตามปฏิญญากรุงเทพฯ และเป็นผู้นำการพัฒนาจากกลุ่มความร่วมมือทางการเมืองสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนในปัจจุบัน 

“ไทยมีจุดยืนที่ยูนีคมากๆ ไม่มีศัตรู เป็นมิตรกับทุกประเทศ เราจะช่วยมิตรประเทศแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแข่งขันของมหาอำนาจ ทั้งคู่รู้ว่าเราเป็นมิตรกับอีกฝ่าย อยากให้มองว่าไทยเป็นสะพานเชื่อมได้” 

ในความร่วมมือกับมิตรประเทศ ไทยจะทำในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี เช่น RCEP, APEC, IPEF ที่เน้นบทบาทภาคเอกชนซึ่งไทยจะได้ประโยชน์มากขึ้น,  ACD (Asia Cooperation Dialogue: ความร่วมมือเอเชีย) ที่ไทยเป็นผู้ก่อตั้ง และเสนอตัวเป็นประธานในปี 2568 

ส่วนความร่วมมือภายใต้กรอบพหุภาคีที่ไทยจะเข้าร่วมในอนาคต ได้แก่ BRICS และ OECD 

  • มิติที่ 3 ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน 

รมว.มาริษย้ำว่า ไทยให้ความสำคัญกับเพื่อนบ้านสูงสุด ในประเด็นเมียนมาเน้นความมั่นคงบริเวณชายแดน ต้องการสร้างเสริมสันติสุขร่วมกัน ขณะนี้ไทยมีบทบาทในการแก้ปัญหายาเสพติด คอลล์เซ็นเตอร์ ธุรกิจสีเทา และอยากเป็นผู้เล่นสำคัญสร้างการเจรจาสันติภาพ มุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

“แต่สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นเปราะบาง ต้องค่อยๆ ทำ” รมว.ต่างประเทศย้ำ 

 ด้านการท่องเที่ยวมีนโยบายหกประเทศ หนึ่งจุดหมายปลายทาง (Six Countries One Destination) ประเทศเพื่อนบ้านชายแดนติดกันท่องเที่ยวร่วมกันได้ด้วยรถไฟความเร็วสูง 

ในมิติที่ 3 ซอฟต์พาวเวอร์มีบทบาทอย่างมาก ไทยกับประเทศเพื่อนบ้านมีวัฒนธรรมร่วมกัน หากบูรณาการกันได้จะสร้างความมั่นคงมากยิ่งขึ้น 

ในตอนท้าย รมว.มาริษสรุปว่า นโยบายหลักที่กระทรวงต่างประเทศจะทำต่อไปนี้เน้นในสามส่วน 

การเมือง เน้นบทบาทประเทศไทยเข้มข้น เป็น Key player ในประชาคมโลกมากขึ้น 

ความร่วมมือด้านธุรกิจ ผลักดันภาคเอกชนทำธุรกิจร่วมกัน สร้างความอยู่ดีกินดีไปถึงรากหญ้าของประเทศ 

สังคม อยากเห็นความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยั่งยืน 

“และทั้งหมดนี้ก็คือ Reignite Thai Foreign Policy” รมว.มาริษกล่าวทิ้งท้ายท่ามกลางเสียงปรบมือต้อนรับอบอุ่น

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

นิวเดลีกระอัก! มลพิษรุนแรงกลับมาแล้ว

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานข้อมูลจากบริษัทติดตามคุณภาพอากาศIQAir วันนี้ (23 ต.ค.) มลพิษในกรุงนิวเดลีสูงเก...

'ทิม คุก' โผล่เยือนจีนรอบ 2 ภายในปีเดียว จ่อดันบริการเอไอ Apple Intelligence

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า "ทิม คุก" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ "แอปเปิ้ล อิงค์" (Apple) ได้เดินทา...

ผู้ว่าแบงก์ชาติย้ำสื่อนอก ไม่รีบลดดอกเบี้ยรอบใหม่

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณว่า ธปท.จะไม่เร่งปรับลดอัตร...

อยู่บ้านถูกข่มเหง! ลูกชายคนเล็ก ลี กวนยู ได้ลี้ภัยในสหราชอาณาจักร

นายลี เซียนหยาง วัย 67 ปี บุตรชายคนเล็กของอดีตนายกรัฐมนตรีลี กวนยู และน้องชายของอดีตนายกรัฐมนตรีลี เ...