ปัดเตรียมชั้น 14 รองรับ คดี "ทักษิณ" ฟ้องศาล 18 มิ.ย. "ทวี" ชี้ไม่เกี่ยวกรมคุก

“อิทธิพร” ปธ.กกต.ตรวจความพร้อมเลือก สว. ระดับจังหวัดที่สมุทรสงคราม กำชับเจ้าหน้าที่ รอบคอบรัดกุม “แสวง” ขึงขัง รับมือได้ทุกประตู ศาล รธน.ชี้ขาดเลือก สว. ปัดดองคดียุบพรรค ภท. แย้มไต๋เงินบริจาค หจก.บุรีเจริญฯ เป็นเรื่องอำพรางหุ้น ไม่เป็นเหตุแห่งการยุบพรรค โต้เสียงแข็งไม่เคยรับใบสั่งใคร “ชัยธวัช” เตือนยุบ ก.ก.ได้กลิ่นโชยรัฐประหาร เฉ่ง กกต.เป็นใคร ดูเอกสาร ชิ้นเดียว ยื่นยุบพรรคมันง่ายไป มั่นใจ 44 สส.ค่ายส้ม มีช่องสู้คดีผิดจริยธรรมร้ายแรง คาดเลวร้ายสุดไม่ถึง ขั้นถูก ป.ป.ช. เชือด “ดิเรกฤทธิ์” นำทีม 2 สว.คู่กรณี ชี้แจงเพิ่มเติมศาล รธน.คดียื่นสอยนายกฯ จ่อชงสอบ อำนาจหน้าที่นายกฯ ฟันเจตนาทุจริต หรือประมาทเลินเล่อจนบกพร่องบ่งชี้เป็นการกระทำไม่สุจริต “ทวี” แจงขั้นตอนส่งตัว “ทักษิณ” ส่งฟ้องศาลฯ ไม่เกี่ยวกับกรมราชทัณฑ์ ไม่ต้องเตรียม รพ.ตำรวจรองรับ

หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินหน้าจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับอำเภอผ่านไปแล้ว ขั้นตอนต่อมาจะเป็นการเลือกสว.ในระดับจังหวัดในวันที่ 16 มิ.ย. โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ได้ไปตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมที่ จ.สมุทรสงคราม เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบรัดกุม

“อิทธิพร” ตรวจเยี่ยมเฟ้น สว.จังหวัด

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 มิ.ย. ที่หอประชุมพิพัฒน์มงคล อาคารองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทร สงคราม จ.สมุทรสงคราม นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์การรับวัสดุอุปกรณ์ และการจัดเตรียมสถานที่เลือก สว.ระดับจังหวัดให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้องตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567 โดยมีนายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม พร้อมด้วยภาคส่วนต่างๆให้การต้อนรับ และเข้าร่วมสังเกตการณ์ โดยประธาน กกต.ได้ให้กำลังใจและข้อแนะนำในการปฏิบัติงานกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานให้ทำหน้าที่ด้วยความรอบคอบ รัดกุม ปฏิบัติตามกฎหมาย บรรยากาศในภาพรวมเจ้าหน้าที่มีความเข้าใจขั้นตอนกระบวนการและมีความพร้อมในการดำเนินการเลือก สว.ระดับจังหวัดที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 มิ.ย.

...

สั่งนับใหม่ที่ อ.เมืองสมุทรสงคราม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม กกต.มีมติสั่งให้นับคะแนนการ สว.ระดับอำเภอใหม่ อีก 1 เขตที่ อ.เมืองสมุทรสงคราม สาย ง. ช่วงบ่ายวันที่ 15 มิ.ย.ที่หอประชุมพิพัฒน์มงคล องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม อยู่ระหว่างการประสานงานให้ผู้สมัครมาร่วมรับฟังการนับคะแนนใหม่ และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เดินทางไปตรวจเยี่ยมการนับคะแนนดังกล่าว เวลา 15.30 น. สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่มีการเลือก สว.ระดับอำเภอผู้สมัครกลุ่ม 19 (ผู้ประกอบวิชาชีพอิสระ) ไม่มีคะแนนในการเลือกรอบไขว้ ได้ทักท้วงการขานบัตรหลังคณะกรรมการการเลือกตั้งพบว่ามีการลงหมายเลขไม่ชัดเจน และวินิจฉัยว่าเป็นบัตรดีบางส่วน โดยผู้สมัครรายดังกล่าวได้ยื่นฟ้องต่อศาลฯขอให้วินิจฉัยลักษณะของบัตรลงคะแนน โดยศาลฯมีคำพิพากษาว่าบัตรดังกล่าวถือเป็นบัตรดี กกต.จึงประชุมช่วงสายวันที่ 15 มิ.ย. และมีมติสั่งให้มีการนับคะแนนใหม่ช่วงบ่ายวันเดียวกัน

แสวง บุญมี

“แสวง” ไม่ตอบถ้าเลือก สว.เป็นโมฆะ

ขณะที่เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายแสวง บุญมีเลขาธิการ กกต. พร้อม น.ส.มาณวิกา ทองประเสริฐ ผอ.การเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร และ พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร ติดตามการเตรียมความพร้อมและการซักซ้อมการปฏิบัติงานในการดำเนินการจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภาของ กทม. ที่จะเลือกในวันที่ 16 มิ.ย. โดยได้อบรมชี้แจงและจัดเตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ในการเลือก เช่น บัตรเลือก ป้ายนับคะแนน หีบบัตร รวมทั้งยังจัดบอร์ดข้อมูลแนะนำตัวผู้สมัคร สว.ทั้ง 20 กลุ่ม เพื่อให้ผู้สมัครตรวจสอบศึกษา
ต่อมานายแสวงกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.จำนวน 4 มาตรา ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ขอให้รออีก 4 วันที่ศาลจะนัดชี้ชะตา ในฐานะที่มีหน้าที่รับผิดชอบต้องเตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ที่จะชี้ออกมา เมื่อถามว่าหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญจะทำให้การเลือก สว. เป็นโมฆะ นายแสวงปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้

ไม่กังวลถูกยื่นสอบร่ำรวยผิดปกติ

นายแสวงกล่าวถึงกรณีนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่น ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบการแจ้งรายการบัญชีทรัพย์สินของนายแสวง ซึ่งมีเหตุร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ โดยขอให้ตรวจสอบย้อนหลัง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2565 ว่าถือว่าเป็นการตรวจสอบไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด แต่เห็นว่าถ้าใช้ความรู้ความสามารถไปทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองน่าจะดีกว่านี้ เมื่อถามย้ำถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่านายแสวงได้แสดงบัญชีทรัพย์สินเพียงรถยนต์ 1 คันและจักรยานยนต์ 2 คัน เป็นในส่วนของภรรยา นายแสวงกล่าวว่า ตนมีรถประจำตำแหน่ง

แย้มอำพรางหุ้นไม่เป็นเหตุยุบพรรค

นายแสวงกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับคำร้องยื่นยุบพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กรณีหุ้น หจก.บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ได้บริจาคเงินเข้าพรรคว่าเรื่องที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เกี่ยวกับการยื่นยุบพรรคเสมอไป เพียงแต่ว่าคนจะนำมาโยงว่ายุบพรรคได้หรือไม่ และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องการอำพรางหุ้น ไม่ได้เป็นเหตุของการยุบพรรคตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง แต่คนการเมืองที่ถูกร้องจึงตีความว่าต้องเป็นเรื่องยุบพรรค นายแสวง กล่าวว่า เมื่อเรื่องถูกร้องเรียนมาว่าเงินที่บริจาค มีที่มาหรือเป็นเงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ใครจะมาบริจาค หรือยืมเงินใครมาบริจาคตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมืองยังทำได้ เพียงแต่ว่าเราต้องพิสูจน์ว่าเงินที่เขานำมาบริจ าคเป็นเงินที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ปฏิเสธไม่ได้ยื้อคดียุบพรรค ภท.

“เงินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ได้ตัดสินที่คน แต่ตัดสินที่กฎหมาย จึงต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบ ไม่ใช่ กกต.หรือนายทะเบียนที่เป็นผู้ตัดสิน เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบอยู่ และสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนกว่าจะได้ข้อยุติ” เมื่อถามย้ำว่ากรณีนี้ไม่ได้เป็นการยื้อหรือยืดเวลาออกไปใช่หรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า ไม่ได้ยื้อ แต่เป็นกระบวนการ “เรื่องนี้มาในช่องของการยื่นต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง และเป็นความปรากฏ นายทะเบียนตรวจตามมาตรา 93 ว่าด้วย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรค การเมือง” นายแสวงกล่าว

ไม่ตอบโต้ถูกเหน็บเป็นศรีธนญชัย

นายแสวงกล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต. ส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมกรณียุบพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า กกต.ได้ส่งไปแล้วเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ส่วนจะเป็นพยานบุคคลหรือไม่ มองว่าคำวินิจฉัยเพียงพอแล้วที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินพรรค ก.ก. กกต.จึงได้ส่งเอกสารเพิ่มบางอย่างที่เป็นข้อกฎหมาย เมื่อถามว่านายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. ออกมาให้ความเห็นว่า กกต.ตีความเป็นศรีธนญชัย นายแสวง กล่าวว่า ไม่ขอแสดงขอความเห็น ขอให้รอฟังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

โต้เสียงแข็งไม่เคยรับใบสั่งใคร

เมื่อถามว่าที่คู่กรณีออกมาแสดงความเห็นว่า กกต.ไม่มีอำนาจ หรือลุแก่อำนาจจะทำให้ขาดความเชื่อมั่นต่อ กกต.หรือไม่ นายแสวงกล่าวว่า เรารู้ว่าต้องทำอะไร ทำผิดทำเกินทำน้อยคงไม่ได้ ทุกเรื่องมีการกระทำ มีข้อเท็จจริง คนที่ได้รับผลดีผลร้าย สิ่งนี้ เกิดจากกฎหมายกำหนดไว้ก่อนว่าลักษณะเช่นไรที่เป็นความผิด เมื่อมีข้อเท็จจริง กกต.จึงดำเนินการไปตามข้อเท็จจริง ท่านไม่ได้รับผลร้าย หรือผลดีจากการตัดสินของ กกต. ท่านได้รับผลร้ายจากข้อเท็จจริงที่ท่านทำ เรารู้ว่าเราต้องทำอะไร ส่วนความเชื่อมั่นเราทำตามกฎหมาย ประชาชนจะสงสัยเป็นจุดที่เราต้องทำให้ประชาชนเชื่อมั่นเป็นหน้าที่ เราทำอย่างดีที่สุดเท่าที่กฎหมายให้เราทำ ยืนยันว่าตั้งแต่มารับตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ไม่มีใบสั่งหรือคำชี้นำจาก กกต.หรือจากข้างนอก

ชัยธวัช ตุลาธน

“ต๋อม” ขู่ยุบ ก.ก.กลิ่นรัฐประหารโชย

นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก.ให้ สัมภาษณ์ถึงกรณีมีโพลสำรวจความนิยมของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค ก.ก. และพรรค ก.ก. เมื่อใด ผลมักออกมาดี เป็นห่วงปมนี้จะยิ่งทำให้ ก.ก. โดนประหารหรือไม่ว่า ไม่เป็นห่วง ต่อให้ยุบ เราก็ยังโตได้ ที่มีคนประเมินว่าถ้ายุบพรรค ก.ก. อาจได้คะแนนสงสาร ปรากฏการณ์นี้มีนัยสำคัญมาก จะมองแค่แบบสายตาสั้นไม่ได้คิดไกลในอนาคตไม่ได้ มันอันตรายกับทุกฝ่ายในระบบการเมืองไทย อาจผลัก ให้สังคมการเมืองไทยเขม็งเกลียวมากขึ้น เราอุตส่าห์มีการเลือกตั้ง เป็นโอกาสที่สังคมค่อยๆเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบการเมืองปกติมากขึ้นเรื่อยๆ เรากำลังทำลาย โอกาสนี้ ดูเหมือนตอนนี้บรรยากาศสังคมไม่รู้สึกว่า อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านดีขึ้นเลย รู้สึกกลับไปเป็นบรรยากาศ เหมือนปี 48 49 หรือ 57 ที่มีการรัฐประหาร อันนี้ เป็นประเด็นสำคัญว่าจริงๆต้องทบทวนแล้วว่าการยุบพรรคไม่ใช่ทางออก แต่เราต้องหาฉันทามติใหม่ของสังคมไทยให้ได้ ทุกฝ่ายอย่าไปจินตนาการถึงการเมืองไทยที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหายออกไป ต้องเป็นฉันทามติที่อยู่บนจินตนาการว่าทุกฝักทุกฝ่ายมีที่อยู่ที่ยืน ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ผลัดกันมีอำนาจภายใต้กฎกติกาและระบบที่เรายอมรับร่วมกันได้เป็นสิ่งสำคัญ

ฉะ กกต.ดูเอกสารชิ้นเดียวยื่นยุบง่ายไป

เมื่อถามถึงกรณีของ 44 สส. พรรค ก.ก. ที่โดน เรื่องจริยธรรม โยงเรื่องยุบพรรคด้วยจะตั้งรับอย่างไร นายชัยธวัชกล่าวว่า เรื่องคดีกรณีอยู่ในขั้นตอนของ ป.ป.ช.คดีจริยธรรมทางการเมือง ตามกระบวนการ ป.ป.ช.ต้องสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้ามีน้ำหนักเพียงพอ เขาถึงจะต้องไปยื่น ศาลฎีกาของผู้มีตำแหน่งทางการเมือง ให้ศาลฎีกานักการเมืองตัดสิน นี่แค่ตัดสิทธิพิจารณาจริยธรรมนักการเมือง เขายังต้องมีกระบวนการเบื้องต้นเลย กกต.เป็นใครเนี่ย อยู่ดีๆ กกต.บอกดูเอกสารหนึ่งชิ้น แล้วบอกมีหลักฐานอันควรเชื่อได้แล้ว ยื่นร้องยุบพรรคเลย มันง่ายไปหน่อย

เชื่อ 44 สส.ส้มมีช่องสู้คดีจริยธรรม

นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า แต่อันนี้เราจะได้เห็นว่า กระบวนการไม่ได้ปุ๊บปั๊บเร็ว ต้องในชั้น ป.ป.ช.ก่อน มีหลักฐานพยานอะไรแบบชัดเจน แล้วถึงจะส่งศาล ฎีกานักการเมือง ความอันตรายของสิ่งที่เรียกว่าจารีต จริยธรรม ไม่มีความชัดเจนแน่นอน เป็นเรื่องทัศนะ รสนิยมแต่ละคน ถึงมีปัญหามากเวลาเอาเรื่องนี้มาพิจารณาตัดสิทธิทางการเมือง เป็นโทษร้ายแรงเหมือน ประหารชีวิตทางการเมืองตลอดชีวิตเลย ถามว่ามีโอกาสแค่ไหนที่ ป.ป.ช.จะเห็นว่าผิดจริยธรรมขั้นร้ายแรง ยังคิดว่า ป.ป.ช.ไม่มีเหตุผลใดทั้งสิ้น ที่จะบอก ว่าการกระทำที่พูดถึงกันในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ จะมากล่าวหาว่า สส.พรรค ก.ก. 44 ท่าน ผิดจริยธรรมขั้นรุนแรง ไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่งยังต้องสู้ในชั้นศาลด้วย คิดว่ามันไม่ใช่แค่ ป.ป.ช.อย่างเดียว เห็นศาลฎีกาก็ต้องเห็นตรงกันด้วย ยังมีโอกาสที่จะต่อสู้คดีอยู่

ร้ายแรงสุดไม่ถึงขั้นถูก ป.ป.ช.เชือด

“คดียุบพรรคร้ายสุด แน่นอนถ้าร้ายสุด ไม่มีทางอื่นคือ ยุบพรรค แต่คดีจริยธรรม 44 สส.ร้ายสุดยังไงผมก็มั่นใจว่าไม่มีทางโดน ป.ช.ช. ยื่นคำร้อง ยื่นฟ้องทุกคน ไม่มีทางที่จะไม่มีเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้นนี่ร้ายสุดเลย พูดง่ายๆว่า ซีนาริโอที่ 44 สส.โดนหมด ไม่มีทางเกิดขึ้น 0% เพราะงั้นผมคิดว่า ป.ป.ช.ไม่มีคำอธิบาย ผมว่าอันนี้ แล้วก็ไม่ว่าอะไรจะ เกิดขึ้น แน่นอนเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินหน้า ต่อไป” หัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าว

ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม

ส่ง 3 สว.ชี้แจงศาล รธน.เพิ่ม

นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม สว.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้คู่กรณียื่นบัญชีระบุพยาน หลักฐานในคดีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี ว่า สว.ส่งพยานบุคคลไปช่วยชี้แจงเพิ่มเติม ในประเด็นที่อาจถูกซักถามรายละเอียดของคําร้องที่ยื่นไป มีตน นายสมชาย แสวงการ และนายประพันธ์ คูณมี สว.จะขอเสนอแนวทางให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตรวจสอบข้อมูลกฎหมาย และขอบเขตอำนาจหน้าที่ในการรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่า นายกฯทำหน้าที่สมบูรณ์หรือไม่ หากมีเจตนาทุจริต ก็มีความผิด หรือแม้จะมีเจตนาสุจริต แต่ประมาทเลินเล่อ ทําให้เกิดความเสียหายในการทำหน้าที่ ก็อาจ จะทําให้ศาลพิจารณาว่า เป็นความบกพร่องที่บ่งชี้ว่า เป็นการกระทำที่ไม่สุจริต เรามีข้อคำร้องว่า นายกฯ รู้ถึงคุณสมบัติที่ไม่ซื่อสัตย์ของนายพิชิตหรือไม่ และได้ถามครบหรือไม่ หรือการนําเสนอรายงานเพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเขียนอย่างไร รวมถึงความเห็นของ นายกฯที่ให้ประกอบไป นี่คือหัวใจให้ศาลรับฟังว่า ทีมงานกฎหมายของรัฐบาลได้เสนอชี้แจงข้อกล่าวหาเหล่านี้ครอบคลุมทั้งหมดหรือไม่ ถือเป็นการชี้แจงเพิ่มเติมในหลักฐานและมุมมองของเรา เป็นโอกาสให้ศาลได้ไต่สวนในห้องพิจารณาคดี

“ทวี” ไม่เตรียม รพ.ตำรวจรับ “ทักษิณ”

ที่โรงแรมเดอะเกรซ อัมพวา จ.สมุทรสงคราม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ระหว่าง ลงพื้นที่ตรวจราชการ ที่ จ.สมุทรสงคราม กรณีสำนักงาน อัยการสูงสุดนัดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเตรียม ส่งฟ้องศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในความผิดมาตรา 112 วันที่ 18 มิ.ย. ว่า กระบวนการทางกฎหมาย กรมคุมประพฤติมีส่วน หน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อ จากการที่อัยการสูงสุดส่งตัวนายทักษิณฟ้องศาล แม้ว่าจะอยู่ในระยะการพักโทษก็ตาม ส่วนการรับตัวในการส่งฟ้อง เป็นการ ดำเนินการของเจ้าหน้าที่ศาลและเจ้าตัวไม่เกี่ยวข้องกับกรมราชทัณฑ์ ทุกอย่างเป็นกระบวนการอัตโนมัติ ไม่ต้องมีการเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ เมื่อถามว่ากรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าหากศาลไม่ให้ประกันตัว ต้องมีการเตรียมโรงพยาบาลตำรวจ สถานที่คุมขัง เดิมไว้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีตอบว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับ โรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันว่าไม่มีเรื่องสมมติ และการ เตรียมการอะไร แม้ศาลจะให้ประกันตัว ก็ไม่มีความ เกี่ยวเนื่องอะไรกับการพักโทษ เพราะเป็นคดีก่อนหน้านี้

อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด

พท.ไม่เสียสมาธินายกฯถูกยื่นสอย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการจับตามองสถานการณ์การเมือง วันที่ 18 มิ.ย. ในคดี 40 สว.ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรียืนยันหนักแน่นมาตลอดว่า น้อมรับและพร้อมเข้าสู่ กระบวนการถูกตรวจสอบ ไม่มีแนวคิดชิงลาออกก่อนมีคำตัดสิน หรือชิงยุบสภา เป็นธรรมดาการถูกตรวจสอบ เมื่อมีผู้ร้อง ผู้ถูกร้องก็ต้องชี้แจงไป นายก รัฐมนตรียังมุ่งมั่นทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไม่เสียสมาธิการทำงานจากเรื่องนี้แน่นอน สส.พรรคเพื่อไทย มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีจะชี้แจงได้ จะรอดพ้นจากการถูกร้องถอดถอนในครั้งนี้

มั่นใจงบฯปี 68 ผ่านสภาฉลุย

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย. ว่า สส.เพื่อไทยพร้อมแล้วเข้าสู่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2568 จะทำหน้าที่ พิจารณางบประมาณประเทศอย่างรอบคอบ ให้การจัดทำงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ มีความคล่องตัว สอดคล้องสภาพเศรษฐกิจและสังคมยุคปัจจุบัน รวมถึงวางรากฐานพัฒนาประเทศไปสู่อนาคต อย่างยั่งยืน เวลาการพิจารณา 3 วัน ถือว่าเพียงพอ ถ้าทุกฝ่ายบริหารจัดสรรเวลาอย่างเหมาะสมจะเป็นประโยชน์กับประชาชนที่จะร่วมตรวจสอบการจัดทำ งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชน เพราะทุกปัญหารอไม่ได้ มั่นใจว่าการพิจารณา งบฯปี 2568 จะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอย่างแน่นอน ขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ยึดประโยชน์ ประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ

“เชิดชัย” หนุนนิรโทษแบบมีเงื่อนไข

นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวถึงจุดยืนการนิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า จุดยืนตนเหมือนเดิม มองว่าควรนิรโทษให้ผู้ทำผิดกฎหมายดังกล่าวที่พิสูจน์ได้ชัดว่ามีแรงจูงใจจากประเด็นทางการเมือง แต่ต้องพิจารณาความหนักเบากันไป โดยมีเงื่อนไข เช่น ห้ามกระทำผิดซ้ำ เพราะความเข้มข้นของกฎหมายไม่เหมือนกัน เรื่องนิรโทษกรรมมาตรา 112 อยู่ระหว่างการพิจารณาของ กมธ. ยังไม่มีข้อสรุปจะให้นิรโทษหรือไม่ อย่างไร หรือต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ หรือผสมผสานกัน

อ้อนเปิดช่องลดโทษผิดมาตรา 112

นพ.เชิดชัยกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีมีประชาชน 64.66% เข้าไปแสดงความเห็นในเว็บไซต์รัฐสภาไม่เห็นด้วยร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับประชาชน ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมี 4 เหตุการณ์ คือเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 2548 ปี 2553 ปี 2557 และการชุมนุมของนักศึกษาปี 63-65 มีคนถูกดำเนินคดีจำนวนมาก น่าสลดใจวันนี้เด็กเกิดน้อยและหลุดออกจากระบบการศึกษาจำนวนมาก นักศึกษาถูกดำเนินคดีทั้งที่ปัญญาชนเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต ในยุคคอมมิวนิสต์ที่มีการทำผิดรุนแรงกว่ามาตรา 112 ยังมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 ล้างความผิดได้ เพื่อความสามัคคีปรองดอง แต่ทำไมมาตรา 112 จึงไม่ได้ อยากขอความเห็นใจคนที่ยังไม่เข้าใจกฎหมายนิรโทษฯ ไม่ได้ยกเลิกมาตรา 112 ไม่ปรับปรุงอะไรทั้งสิ้น กฎหมายดังกล่าวยังอยู่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ผลของกฎหมายมีผลแล้วต้องว่ากันไป เพียงแต่จะพิจารณาลดโทษให้คนทำผิดที่มีแรงจูงใจทางการเมืองหรือไม่เท่านั้น

ไม่ให้ราคา “วรงค์” ปูดถุงขนมภาค 2

นพ.เชิดชัยยังกล่าวถึงกรณีอัยการเตรียมนำตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปส่งฟ้องศาล ตามความผิดคดีมาตรา 112 ว่า เชื่อมั่นว่านายทักษิณจะไปรายงานตัวต่ออัยการในวันดังกล่าว พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปพิสูจน์กัน ส่วนตัวเชื่อว่านายทักษิณน่าจะได้รับการประกันตัว เพราะไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และมั่นใจไม่ได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา ส่วนกรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กปูดข่าวมีขบวนการถุงขนม 2,000 ล้านบาท ที่ฮ่องกง ซ้ำรอยคดีถุงขนม 2 ล้านบาท เป็นการดิสเครดิตนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนจะถูกนำตัวส่งฟ้องศาลในคดีความผิดมาตรา 112 ในวันที่ 18 มิ.ย.หรือไม่นั้น ไม่อยากให้ราคานพ.วรงค์ เพราะเป็นเรื่องไม่มีมูลความจริง นพ.วรงค์ชำนาญชอบหาเรื่องแบบนี้มาพูด อยากให้สังคมไทยมีภูมิต้านทาน ไม่ไขว้เขว้กับเรื่องไม่เป็นความจริงเหล่านี้

“จุลพันธ์” ขอโทษตั้งผู้ช่วยเลขาฯมีคดี

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึง เสียงวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งนายธันว์ วุฒิธรรม ที่เคยถูกคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษความผิดปั่นหุ้น เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมว.คลัง ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการ รมช.คลัง ว่าไม่ทราบเรื่องคดีความมาก่อน เพิ่งทราบภายหลังแต่งตั้งแล้วจากข่าว นายธันว์ทำงานในคณะทำงานมาระยะหนึ่ง ไม่เคยมีพฤติกรรมเสื่อมเสียหรือผิดกฎหมาย หลังทราบข่าวเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ได้พูดคุยกับนายธันว์ ทราบว่าคดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และได้ขอลาออกจากตำแหน่งแล้ว เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ กระบวนการการแต่งตั้งนายธันว์เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ตรวจสอบไม่พบประวัติอาชญากรรมตามขั้นตอนเสนอรายชื่อ เพราะเป็นคดีแพ่งที่ยังไม่สิ้นสุด อยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ.2535 มาตรา 9 ระบุคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองใน (7) ว่า “ไม่เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุด เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ” และตนไม่เคยกำกับดูแล ก.ล.ต. และนายธันว์ไม่เคยหารือเรื่องคดี ยืนยันไม่เคยใช้ความสัมพันธ์ช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ใดๆ หากแทรกแซงคดีคงไม่ปรากฏในช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากความหละหลวมของตน ต้องขอโทษกับความไม่สบายใจที่เกิดขึ้น

“เทพไท” แนะยุบสภาดีกว่าลาออก

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กหัวเรื่อง “ฝากถึง “เศรษฐา” ถ้าไปไม่รอด ยุบสภาดีกว่าลาออก” ระบุว่า เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯออกมายืนยันว่าจะไม่ชิงลาออก-ยุบสภาฯ หนีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญและย้ำว่าไม่คิดใช้วิธีพิสดารหนี พร้อมรับคำตัดสิน เห็นด้วยถ้าหากการเมืองเข้าสู่ทางตันจริงๆ อยากให้นายเศรษฐาใช้วิถีทางตามระบอบประชาธิปไตยคือยุบสภาหรือลาออก อย่าดื้อรั้นจนมีอำนาจนอกระบบเข้ามาควบคุมการบริหารประเทศ ด้วยการรัฐประหาร ทำให้ประเทศถอยหลังเข้าคลอง และการรัฐประหาร ไม่ใช่คำตอบของประเทศ ขอสนับสนุนให้ยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ดีกว่าการลาออก ตอนนี้อำนาจสูงสุดอยู่ที่นายเศรษฐาเพียงคนเดียว มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ทำให้นายเศรษฐาถือไพ่เหนือกว่าคนอื่นทุกคน ถ้าหากถูกบีบคั้นทางการเมืองมากๆ และการเมืองเดินไปสู่ทางตัน ขอให้ใช้วีธีการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนดีที่สุด

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

‘ผู้นำโลก' ร่วมแสดงความยินดี 'ทรัมป์' จ่อชนะแลนด์สไลด์ครั้งประวัติศาสตร์

อินเดีย นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ได้แสดงความยินดีกับ โดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับ “ชัยชนะทางการเ...

'ทรัมป์คัมแบ็ก' ประธานาธิบดีคนที่ 47 คนแรกในรอบ 132 ปี ที่เคยแพ้แต่กลับมาได้

ในช่วงเย็นวันนี้ (6 พ.ย.67) สื่อหลายสำนักในสหรัฐรายงานตรงกันว่า อดีตประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ได...

เจาะลึกสาระสำคัญ ครม. การเตรียมประชุม 'COP29'

โดยคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบต่อกรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแป...

วิจัยเผย ใช้โปรตีนจากพืช 50% ปลุกเศรษฐกิจไทย 1.3 ล้านล้านบาท งานล้านตำแหน่ง

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การขับเคลื่อนไปสู่ความยั่งยืนได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในพฤติกรรมการบริ...