รีเจกต์เรต ดอกเบี้ย หุ้นกู้ฉุดอสังหาฯเฟรเซอร์สชงตั้งกองทุนดบ.ต่ำสกัดNPL

นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า ครึ่งปีแรกผลประกอบการที่ออกมาผู้ประกอบการทุกคนเหนื่อยมาก แต่ถ้าเทียบไตรมาสต่อไตรมาสของเฟรเซอร์สฯดีกว่าปีก่อนซึ่งเมื่อเทียบกับทุกคนตกลงหมดเกิดจาก"แรงช็อค"จากอัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นมาทำให้คนเริ่มได้รับผลกระทบจากกดอกเบี้ยจริง เมื่อดอกเบี้ยโปรโมชั่นครบกำหนด เรตMLR ขยับขึ้น2% ทำให้ลูกค้าที่เคยผ่อนไหว เริ่มผ่อนไม่ไหวกลายเป็น NPA  (Non-Performing Asset)

แนวโน้มการลดดอกเบี้ยของสหรัฐ(เฟด)ไม่เกิดขึ้นในปีนี้ ส่งผลให้สมมติฐานเปลี่ยนทำให้ทุกประเทศยังคงดอกเบี้ยสูงรวมถึงเอเชียรวมทั้งประเทศไทยอาจลดลงสักรอบหนึ่งสลึงจากเดิมที่ขึ้นมา2บาทเพิ่มอัตราการผ่อนของลูกค้าที่ซื้อบ้าน20-30%สวนทางกับการขึ้นเงินเดือน ทำให้เกิด NPL ในกลุ่มตลาดล่างระดับ3-5ค่อนข้างมากเริ่มลามไปถึง7ล้านบาท

"การที่ไปปล่อยให้กับลูกค้ากลุ่มเก่าเพื่อให้เขาแข็งแรงขึ้นทำให้จำนวนNPLลดลงทำให้แบงก์กล้าที่จะปล่อยสินเชื่อบ้านให้คนกลุ่มใหม่ได้มากขึ้นจะช่วยอุตสาหกรรมอสังหาฯเพราะถ้าลูกค้าเก่าผ่อนต่อได้ NPL จะไม่เกิด"


นายสมบูรณ์   ประเมินว่า  อีก2 ปีต่อจากวัฎจักรธุรกิจอสังหาฯจะฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง ! ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกกลับมาฟื้นตัว หลังจากที่เศรษฐกิจจีน ยุโรปค่อยฟื้นตัวหวังว่า สงครามไม่มีแล้ว จากที่ผ่านมาธุรกิจอสังหาฯ เติบโตสูงสุดในปี2563  หลังจากโควิดซบเซาลงมา2-3ปี ธุรกิจเริ่มถึงจุดต่ำสุด แล้วค่อยกลับฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ 

 

ปัจจุบันทาว์โฮมอยู่ร่วงมาต่ำสุดเทียบเป็นเข็มนาฬิกาอยู่ที่เลข5-6 คาดว่ากำลังจะฟื้น ส่วนบ้านเดี่ยวเริ่มกลับไปอยู่ตำแหน่ง หนึ่งนาฬิกาคือกำลังจะลงแล้ว เพราะทุกคนกระโดดเข้ามาในตลาดเกิดสงครามราคา ส่วนคอนโดมิเนียมน่าจะพ้นจุดต่ำสุดขยับมาเป็นเลข7-8แล้ว

"สิ่งที่ผมกังวลในมุมของซีเอฟโอก็คือ หุ้นกูู้  น่ากลัวมาช่วงนี้ ต้องระวังกันหน่อย แต่ของเฟรเซอร์สฯไม่มีปัญหา ที่น่ากลัวตอนนี้คือหุ้นกู้ที่กำลังครบกำหนดจ่าย(Roll Over)เกรงว่าน่าจะยังไม่จบและจะมีตามมาอีก ทำให้บรรยากาศการซื้อขายหุ้นกู้ต่างๆจะยิ่งแย่กว่านี้ "

ในฐานะผู้ประกอบการอยากให้เกิดการกระตุ้นตลาดเพื่อเกิดการหมุนเวียนเงินเข้าไปในธุรกิจอสังหาฯเพื่อให้ผู้ประกอบการอสังหาฯได้มีทางออกมากขึ้น เพราะปีนี้ยังเหนื่อย ส่วนของเฟรเซอร์สฯได้เตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าแล้ว ธนาคารยังให้สินเชื่อโครงการ (Project Lone) ที่ผ่านมากู้เพื่อซื้อที่ดินอย่างเดียวแต่ก็กำลังคิดอยู่ว่ากู้สำหรับเผื่อวงเงินค่าก่อสร้างดีไหม  

 "เพราะที่ผ่านมาใช้วงเงินหุ้นกู้ได้เนื่องจากดอกเบี้ยถูกกว่า เรายังไปได้แต่ภาพในตลาดหลายรายเริ่มไปไม่ไหวทำให้รู้สึกเสียวหวังว่าทุกคนจะช่วยกันไม่ทำลายบรรยากาศเลวร้ายเพราะแค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว"

อย่างไรก็ตาม ข้อมูล ณ สิ้นไตรมาส 2 ปีงบการเงิน 2567 (ม.ค.-มี.ค. 2567) เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้
• โครงการที่ดำเนินการอยู่มี 75 โครงการ รวมมูลค่า 103,300 ล้านบาท แบ่งเป็นในกรุงเทพและปริมณฑล 63 โครงการ มูลค่า 91,500 ล้านบาท และต่างจังหวัด 13 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท โดยโครงการต่างจังหวัดมีใน 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย, อุดรธานี, ขอนแก่น, นครราชสีมา, อยุธยา, ฉะเชิงเทรา และชลบุรี
 
ผลการดำเนินงานและภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรก

• มีรายได้อยู่ที่ 4,102 ล้านบาท
• เน้นเปิดทำตลาดกับบ้านเดี่ยวระดับบน ทั้งเดอะแกรนด์และแกรนดิโอ โดยเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ได้แก่ แกรนดิโอ แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง มูลค่า 2,300 ล้านบาท และเดอะแกรนด์ แจ้งวัฒนะ-เมืองทอง มูลค่า 2,100 ล้านบาท

จากผลผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ ทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อยอดการปฏิเสธสินเชื่อกู้จากธนาคารสูงขึ้น ทำให้บริษัทปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน โดยไม่เปิดตัวโครงการทาว์โฮมระดับราคา 3-5 ล้านบาทมาปีกว่า  เพราะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้้อยังไม่ดี และบางโครงการยังมีสต็อกอยู่จึงไม่เปิดโครงการใหม่  คาดว่าต้นปี2568 จะเปิดเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับบ้านแฝดปีนี้ไม่มีแผนที่เปิดโครงการเพิ่่มระดับราคา5-10ล้านบาท 

"ดีมานด์ลูกค้าทาวน์โฮมยังมีอยู่ขายได้แต่โอนไม่ได้ทำให้ชะลอลงจากเดิมเคยขายอยู่400-500ล้านบาทลดลงเหลือ 100-200ล้านต่อการเปิดตัวโครงการขายรวมทั้งยอดโอนลดลงจาก400-500ล้านบาทเหลือ150-200ล้านบาท ต่อโครงการต่อปีหายไปครึ่ง ส่วนกลุ่มลูกค้าบ้านแฝดจาก10คนที่ยื่นกู้ถูกปฏิเสธสินเชื่อ3.5คน แต่ถ้าทาวน์โฮมถูกปฏิเสธสินเชื่อ4คน  "

 นอกจากนี้ลูกค้าบางราย ธนาคารปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าแต่ลูกค้าไม่เอา เพราะผ่อนไม่ไหว!

จากสถานการณ์ดังกล่าวบริษัทหันมาเปิดตัวโครงการที่มีระดับราคา20ล้านบาทขึ้้นไปเพื่อสร้างรายได้จากแบรนด์บ้านเดี่ยวแกรนดิโอ และโกลเด้น นีโอ ควบคู่กับ การระบายสต็อกสินค้าที่มีอยู่พร้อมกับการจัดแคมเปญทางการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขาย  โดยแผนงานครึ่งปีหลัง มีแผนเปิด 4 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 5,100 ล้านบาท ได้แก่ แกรนดิโอ เกษตร-นวมินทร์มูลค่า2,100 ล้านบาท, เดอะแกรนด์ ปิ่นเกล้า-วงแหวนกาญจนามูลค่า1,650 ล้านบาท, นีโอโฮม ระยองมูลค่า900 ล้านบาทและคอนโดมิเนียมโคลส รัชดามูลค่า450 ล้านบาท คาดว่าทำให้บริษัทสามารถเติบโตตามเป้าหมาย

"ปีนี้แค่ประคองตัวไม่กล้าบุก เพราะผลกระทบจากดอกเบี้ย กำลังซื้อชะลอ เน้นเปิดโครงการทดแทนโครงการเดิมหมด ยังไม่อยูในโหมดบุกบุกในปี68รอจังหวะดีมานด์พร้อมบุก "


 

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

นิวเดลีกระอัก! มลพิษรุนแรงกลับมาแล้ว

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานข้อมูลจากบริษัทติดตามคุณภาพอากาศIQAir วันนี้ (23 ต.ค.) มลพิษในกรุงนิวเดลีสูงเก...

'ทิม คุก' โผล่เยือนจีนรอบ 2 ภายในปีเดียว จ่อดันบริการเอไอ Apple Intelligence

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า "ทิม คุก" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ "แอปเปิ้ล อิงค์" (Apple) ได้เดินทา...

ผู้ว่าแบงก์ชาติย้ำสื่อนอก ไม่รีบลดดอกเบี้ยรอบใหม่

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งสัญญาณว่า ธปท.จะไม่เร่งปรับลดอัตร...

อยู่บ้านถูกข่มเหง! ลูกชายคนเล็ก ลี กวนยู ได้ลี้ภัยในสหราชอาณาจักร

นายลี เซียนหยาง วัย 67 ปี บุตรชายคนเล็กของอดีตนายกรัฐมนตรีลี กวนยู และน้องชายของอดีตนายกรัฐมนตรีลี เ...