ครม.‘แพทองธาร’ เร่งฟื้นเศรษฐกิจ นโยบายเร่งด่วน เงินดิจิทัล-ดันสินค้าเกษตร

ราชกิจจานุเบกษาลงวันที่ 4 ก.ย. ประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่าตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

บัดนี้ น.ส.แพทองธาร ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดํารงตําแหน่งรัฐมนตรี เพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ 

1.นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 3.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

4.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 5.นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 6.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

7.นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี 8.น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจําสํานักนายกรัฐมนตรี 9.พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม 10.นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 

11.นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 12.นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 13.สรวงศ์ เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 

14.นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 15. น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

16.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 17.นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 18.นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 

19.นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 20.นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม 21.นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 

22.นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ 23.นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ 24.นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

25.นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 26.น.ส.ซาบิดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 27.น.ส.ธีรรัตน์ สําเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย 28.พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม 

29.นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน 30.น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม 31.พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 

32.นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 33.นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 34.นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข 35.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ถวายสัตย์ 6 ก.ย.ประชุม ครม.นัดพิเศษ 7 ก.ย.

รายงานข่าวระบุว่า วันที่ 5 ก.ย.2567 เวลา 10.00 น.มีนัดหมายให้รัฐมนตรี ตรวจ RT-PCR เพื่อหาเชื้อโควิด ที่ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล และวันที่ 6 ก.ย.2567 เวลา 14.00 น.ให้เดินทางมาถึงตึกสันติไมตรีหลังนอก เพื่อถ่ายรูปเดี่ยวสำหรับติดบัตร ก่อนจะเข้าถวายสัตย์ฯ ในเวลา 17.00 น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน

จากนั้น วันที่ 7 ก.ย.นี้ น.ส.แพทองธาร จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษ เพื่อเห็นชอบนโยบายที่จะแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ครม.จะถ่ายภาพหมู่ ครม.ทั้งคณะ ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า

สำหรับเอกสารนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงจะต้องจัดส่งไปรัฐสภาล่วงหน้า 3 วัน ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาวันที่เหมาะสม ซึ่ง สว.ไม่ติดวาระการประชุมใดๆ คาดว่าการแถลงนโยบายรัฐบาลจะมีขึ้นในวันที่ 11 หรือ12 ก.ย. นี้

นโยบายเน้นแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทย แจ้งว่า ช่วงที่ผ่านมาได้ประชุมจัดทำนโยบายรัฐบาล น.ส.แพทองธาร มาตลอดเพื่อเตรียมแถลงนโยบาย ภายหลังเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน พร้อมทั้งหารือพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อนำนโยบายของแต่ละพรรคมารวมเป็นนโยบายของรัฐบาล

อย่างไรก็ตามนโยบายของรัฐบาลแพทองธารจะเน้นแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยจะมีนโยบายเร่งด่วนที่ครอบคลุมการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต รวมถึงจะเร่งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ยกระดับสินค้าการเกษตร และการปราบปรามยาเสพติด 

สำหรับนโยบายระยะยาวที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ อาทิ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือ คาสิโนถูกกฎหมาย รวมถึงการลงทุนเพื่อบริหารจัดการน้ำ การถมทะเลบางขุนเทียนเพื่อสร้างพื้นที่เศรษฐกิจใหม่

ส่วนนโยบายด้านการเมืองจะไม่ถูกนำมาเป็นวาระเร่งด่วนเพราะรัฐบาลมุ่งเน้นงานเศรษฐกิจ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีจึงเป็นไปได้ที่นโยบายด้านการเมือง อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การดำเนินการเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อาจถูกยกมาดำเนินการเร่งด่วน

ตุนงบกระตุ้นเศรษฐกิจ3แสนล้านบาท

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หน่วยงานเศรษฐกิจได้จัดทำข้อเสนอให้รัฐบาลตัดสินใจ โดยขณะนี้รัฐบาลไม่มีปัญหาในงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากมีแหล่งเงินงบประมาณในการใช้กระตุ้นเศรษฐกิจพอสมควรจากวงเงินงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท 

รวมทั้งงบประมาณปี 2568 มีค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจที่ตั้งไว้เป็นงบกลางอีก 1.87 แสนล้านบาท ซึ่งปรับเพิ่มในชั้นกรรมาธิการอีก 3.5 หมื่นล้านบาท จากเดิมมี 1.52 แสนล้านบาท ดังนั้นปีงบประมาณ 2568 มีงบประมาณรวม 2.74 แสนล้านบาท 

ดังนั้นเมื่อรวมกับงบกลางปี 2567 สำหรับดิจิทัลวอลเล็ตอีก 3-4 หมื่นล้านบาท ทำให้รัฐบาลแพทองธาร มีงบในการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท

ชงรัฐบาลปรับงบกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้เดิมงบประมาณทั้งหมดในส่วนนี้รัฐบาลตั้งใจจะกันไว้ใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะแจกในไตรมาส 4 แต่ได้เปลี่ยนแปลงการดำเนินการ รวมทั้งสถานการณ์ทางเศรษฐกิจปรับเปลี่ยนไป ดังนั้น หน่วยงานเศรษฐกิจจึงจะเสนอทางเลือกให้รัฐบาลแบ่งเป็น 2 แบบ คือ

1.การแจกดิจิทัลวอลเล็ตตามเดิม แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกภายในเดือน ก.ย.2567 จ่ายให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มคนพิการรวม 15 ล้านคน ส่วนระยะที่ 2 แจกเงินผ่านแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายอีก 15 ล้านคน ซึ่งจะใช้งบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท ในการกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี ซึ่งจะทำให้ประชาชนกลุ่มหลังได้เรียนรู้การใช้ดิจิทัลวอลเล็ตตามเป้าหมายที่กำหนดไว้แต่แรก

2.แจกเงินกระตุ้นเศรษฐกิจแค่ครึ่งเดียว คือ แจกเฉพาะกลุ่มเปราะบางและกลุ่มคนพิการ 15 ล้านคน แล้วนำงบประมาณที่เหลือไปใช้โครงการลงทุน โดยเน้นโครงการลงทุนขนาดเล็กในท้องถิ่น เช่น สร้างถนนและแหล่งน้ำขนาดเล็ก ซึ่งการใช้โครงการลงทุนในลักษณะนี้เพื่อฟื้นเศรษฐกิจจากฐานรากขึ้นมา และจะช่วยให้มีการซื้อรถกระบะใหม่ทำให้สายการผลิตรถในประเทศไทยมีกำลังการผลิตฟื้นขึ้นมาได้

“สถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลคงต้องลดการคิดเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจลง แต่ต้องคิดเรื่องของการผลักดันการลงทุนมากกขึ้น เพราะจะช่วยรองรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความผันผวนในระยะข้างหน้าได้”แหล่งข่าวระบุ

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่าในการเสนอรายงานข้อมูลสถานะประเทศ (Country Report) ให้กับรัฐบาลใหม่นั้นเป็นข้อกำหนดเดิมที่อยู่ในกฎหมาย สศช.ฉบับเก่า ตอนนี้ สศช.ไม่ต้องนำเสนอรายงานข้อมูลสถานะประเทศให้กับรัฐบาล 

อย่างไรก็ตามในส่วนของข้อเสนอในการบริหารงานด้านเศรษฐกิจให้กับรัฐบาล สศช.ได้มีการเสนอในการแถลงข่าวตัวเลขเศรษฐกิจและภาวะสังคมประจำไตรมาสอยู่แล้ว และสศช.เพิ่งจะแถลงภาวะเศรษฐกิจ และภาวะสังคมไทยไปเมื่อเดือนที่ผ่านมาซึ่งข้อเสนอในการบริหารเศรษฐกิจที่เสนอให้กับรัฐบาลก็ยังเป็นข้อเสนอเดิมอยู่

คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ



หมวดเดียวกัน

บิ๊กแบงก์โลกเสียงแตก 'เฟด' ลดดอกเบี้ย 'รอบหน้า'

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดาธนาคารยักษ์ใหญ่ในวอลสตรีทกำลัง "เสียงแตก" ต่อมุมมองความเห็นว่าธนาค...

Gold Futures : บล.โกลเบล็ก ราคาทองวันนี้ 2,593.63 U$/ทรอยเอาน์ซ

ประกอบกับปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ขณะที่อัต...

‘เศรษฐพุฒิ’ย้ำ กนง.ไม่จำเป็นต้อง ‘ลดดอกเบี้ย’ตามเฟด ยึด Outlook Dependent

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวในงาน BOT SYMPOSIUM 2024 ภายใต้ง...

SET50 Futures : บล.โกลเบล็ก ลุ้นทดสอบแนวต้าน 922-927 จุด

คำแนะนำ ลุ้นทดสอบแนวต้าน 922-927 จุด