สหรัฐเปิดศึกอีคอมเมิร์ซกับจีน จ่อเก็บภาษีสินค้ามูลค่าไม่ถึง 800 ดอลล์ด้วย
วันที่ส่ง: 19/09/2024 - ผู้เขียน: กรุงเทพธุรกิจ
ในภาพการขับเคี่ยวระหว่างสองมหาอำนาจโลก “สหรัฐ” ที่ต้องการรักษาความเป็นที่ 1 กับ “จีน” ที่ขึ้นมาท้าทายบัลลังก์นี้ อเมริกาจึงพยายามสกัดจีนตั้งแต่การตั้งกำแพงภาษีสินค้าจีนสูงถึง 100% โดยเฉพาะกับรถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงล็อบบี้ประเทศพันธมิตรไม่ให้ส่งชิ้นส่วนชิปขั้นสูงไปยังจีน
ล่าสุด สงครามนี้ดูเหมือนขยายไปสู่ “ภาคอีคอมเมิร์ซ” แล้ว เมื่อรัฐบาลไบเดนจ่อ “ยกเลิก” ระเบียบที่เปิดทางให้พัสดุที่มีการระบุมูลค่าไม่ถึง 800 ดอลลาร์ (ราว 26,000 บาท) เข้าประเทศได้โดยไม่ต้องชำระภาษี หรือที่เรียกว่า “De minimis” ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดันจากเหล่าสมาชิกรัฐสภาสหรัฐที่มองว่า ระเบียบดังกล่าวได้เปิด “ช่องโหว่” ให้สินค้าราคาถูกจากจีนทะลักเข้าสหรัฐได้เป็นจำนวนมหาศาล โดยไม่ต้องเสียภาษี จนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประเทศขาดดุลการค้าจีนสูงถึง 157,777 ล้านดอลลาร์ในช่วง ม.ค.-ก.ค. 2567 และส่งผลให้ผู้ประกอบการอเมริกันที่แข่งขันราคาไม่ไหว จำต้องปิดกิจการลง
บรรดาผู้ผลิตสิ่งทอของสหรัฐตำหนิการยกเว้นนี้ว่า อนุญาตให้แพ็กเกจเสื้อผ้าที่มีมูลค่าต่ำหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้า Section 301 ของสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมประมาณ 70% ของการนำเข้าสิ่งทอและเครื่องแต่งกายขนาดใหญ่จากจีน
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลไบเดนจึงหยิบยกช่องโหว่ทางภาษีดังกล่าวขึ้นมาพิจารณายกเลิกหรือปรับเปลี่ยนใหม่
- กองสินค้าจีน (เครดิต: AFP) -
“แรงงานและธุรกิจชาวอเมริกันสามารถแข่งขันกับใครก็ได้หากอยู่บนสนามที่เท่าเทียมกัน แต่เป็นเวลานานเกินไปแล้วที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีนหลบเลี่ยงภาษีศุลกากร โดยใช้ประโยชน์จากข้อยกเว้น De minimis” จีน่า ไรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐกล่าว
ส่วนโฆษกของคณะกรรมาธิการฝั่งรีพับลิกันที่สอบสวนกรณีสินค้าจีนได้กล่าวว่า หากระเบียบ 800 ดอลลาร์นี้มีการเปลี่ยนแปลง เสื้อยืด 5 ดอลลาร์และเสื้อกันหนาว 10 ดอลลาร์จากจีน อาจเห็นราคาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20%
ด้าน นีล ซอนเดอร์ส (Neil Saunders) นักวิเคราะห์การค้าปลีกและกรรมการผู้จัดการของ GlobalData มองว่า “หากยกเลิกการยกเว้นภาษี De minimis สินค้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์จีนอย่าง Shein และ Temu จะมีราคาสูงขึ้น แม้จะยังคงอยู่ในตลาดราคาประหยัด แต่จะเสียเปรียบด้านราคาที่เคยมี จนอาจทำให้ส่วนแบ่งการตลาดลดลง หรือการเติบโตช้าลง เพื่อการปรับตัว บริษัทเหล่านี้อาจหันไปขายสินค้าที่มีราคาสูงขึ้น เพื่อรักษาสมดุลของผลิตภัณฑ์”
- หน้าตาเว็บ Temu ในสหรัฐ -
สหรัฐส่งคณะหารือกับจีนในสัปดาห์นี้
จากกรณีสินค้าถูกจากจีนทะลักเข้ามา สหรัฐจึงส่งคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปยังกรุงปักกิ่งในสัปดาห์นี้ เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับสูงกับจีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำความกังวลถึงสินค้าจีนที่กำลังท่วมตลาดโลก
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อเมริกันที่นำโดย เจย์ แชมบอห์ (Jay Shambaugh) ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ จะจัดการเจรจากับเจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง
การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นการพบปะครั้งที่ห้าของกลุ่มทำงานด้านเศรษฐกิจ ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลทั้งสองประเทศเมื่อปีที่แล้ว เพื่อเพิ่มการสื่อสารในช่วงเวลาที่การแข่งขันระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยในกลุ่มนี้ยังมีเจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางสหรัฐ รวมอยู่ด้วย
ปฏิรูประเบียบให้สินค้าอเมริกันแข่งราคากับจีนได้
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Temu และ Shein ได้ครองใจผู้บริโภคชาวสหรัฐด้วยราคาที่ต่ำมากและสามารถผลิตสไตล์สินค้ามาแรงได้เร็วกว่าคู่แข่งจากสหรัฐ โดย Shein คาดว่าจะมีรายรับมากกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี แต่ไม่ชัดเจนว่ายอดขายของ Temu เป็นอย่างไร ซึ่งบริษัทแม่ Temu อย่าง PDD Holdings มีรายรับ 34,900 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2023 เพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในฐานะที่เป็นจุดหมายการช้อปปิ้งอันดับต้น ๆ บริษัททั้งสองได้แย่งส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งที่ให้บริการกลุ่มผู้บริโภคที่คล้ายกัน เช่น H&M, Zara, Target, Walmart และ Amazon ซึ่งหากราคาของ Shein เพิ่มขึ้น 20% จะทำให้สินค้าของบริษัทมีความใกล้เคียงกับของคู่แข่งมากขึ้น จนอาจทำให้ Shein แข่งขันได้ยากขึ้น
ตัวอย่างเช่น ราคาเฉลี่ยของชุดเดรสบน Shein คือ 28.51 ดอลลาร์ ณ วันที่ 1 มิถุนายน ตามข้อมูลจาก Edited บริษัทวิจัยในลอนดอนที่วิเคราะห์กลยุทธ์การกำหนดราคาของบริษัท
ราคาในขณะนั้นต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของชุดเดรส H&M และ Zara ซึ่งอยู่ที่ 40.97 ดอลลาร์และ 79.69 ดอลลาร์ตามลำดับ ตามข้อมูลของ Edited
อย่างไรก็ตาม หากต้นทุนเพิ่มขึ้น 20% จากการแก้ไขระเบียบ De minimis ราคาเฉลี่ยของชุดเดรสบน Shein จะเป็น 34.21 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับราคาเฉลี่ยของ H&M มากกว่า
“การปฏิรูปกฎระเบียบ De minimis ในที่สุดได้นำไปสู่สนามแข่งขันที่มีความยุติธรรมและเท่าเทียมมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับภาษีศุลกากรอื่นๆ ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือ ผู้บริโภคจะต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น” ซอนเดอร์สกล่าว
อ้างอิง: cnbc, wsj, reuters, census
คำแถลงปฏิเสธความรับผิดชอบ: ลิขสิทธิ์ของบทความนี้เป็นของผู้เขียนต้นฉบับ การเผยแพร่ซ้ำบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน หากมีการละเมิดกรุณาติดต่อเราทันที เราจะทำการแก้ไขหรือลบตามความเหมาะสม ขอบคุณ
อิสราเอลเฝ้าระวัง! นับถอยหลังครบรอบ 1 ปี‘ฮามาสโจมตี’
ก่อนถึงวันครบรอบหนึ่งปีในวันจันทร์ (7 ต.ค.) พลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอลแถลงผ่านโทรทัศ...
’สวัสดีโซล 2024‘ สุดปัง ชาวเกาหลีใต้ แห่ชมซอฟต์พาวเทอร์ไทยเพียบ
สถานเอกอัคราชทูตไทย ณ กรุงโซล ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) , สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร...
เครือข่ายความยั่งยืน SX2024 ส่งท้ายด้วยพลัง เตรียมก้าวสู่มหกรรมปี 2025
มหกรรม Sustainability Expo 2024 ครั้งที่ 5 ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในกรุงเทพฯ ได้ปิดฉากลงอย่างน่าประท...
ส่องอัปเดตไมโครซอฟท์ ‘Copilot + PC’ ฟีเจอร์ใหม่กับขุมพลัง AI
ไมโครซอฟท์ เปิดตัวนวัตกรรม AI ใหม่ล่าสุด ที่กำลังจะได้รับการนำมาปรับใช้กับ Copilot+ PC และระบบปฏิบัต...
ยอดวิว